แนวคิดธุรกิจอิสลาม


                                                                แนวคิดธุรกิจอิสลาม
                                               مفاهيم التجارة الإسلامية

                                 ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ปรานียิ่งเสมอ

                   แนวคิดธุรกิจอิสลาม (Islamic Business Concepts) 

อิสลามให้ความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตอิสลามที่มีความสมบูรณ์และครอบคลุม และกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในระบบเศรษฐกิจนั้น อัลลอฮฺ

ทุกข์ สุข อยู่ที่ตัวเรา


ทุกข์ สุข อยู่ที่ตัวเรา
เป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในปัจจุบันนี้ ผู้คนทั้งหลายแหล่ที่เดิน

ตามถนนต่างก็พากันแข่งขันที่จะไปให้ถึงจุดหมาย บ้างก็ล้มลุกคลุกคลาน

คิดบวก (positive thinking)




(Positive Thinking)


การ ที่คนเราจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะเป็นในด้านการงาน , อาชีพ หรือครอบครัวนั้น อาจต้องอาศัยมูลเหตุ




สำหรับผมคิดว่า การคิดบวก ( Positive Thinking ) ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเราประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน หลายคนอาจจะมีคำถาม ว่าทำไมการคิดบวกจึงมีส่วนช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ตามทัศนะของผมเอง มีความเห็นว่า การคิดบวกในสถานการณ์ต่าง ๆ มักทำให้เราเห็นโอกาสที่แฝงอยู่ในวิกฤตเสมอ ทำให้เราสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองได้ทุก ๆ สถานการณ์ ทำให้เกิดความสบายใจ และเป็นสุข เป็นการเปลี่ยนมุมมองความคิดที่ต่างจากคนทั่วไป เช่น


"เวลาเราเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ"
หรือ
"เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต"
เป็นต้น


"การคิดบวก" เป็นสิ่งที่คนเราสามารถที่จะนำมาปฏิบัติได้ไม่ยากมากนัก แต่สิ่งที่อาจเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คน ก็คือ จะทำอย่างไรให้สามารถที่จะคิดบวกได้ทุกขณะที่เกิดปัญหา หรือเหตุการณ์ต่างๆ อันไม่พึงประสงค์ ในชีวิตของเรา เพราะโดยธรรมชาติของคนเราที่ยังฝึกฝนตนเองได้ไม่ดีพอ มักจะคิดไปในทางลบ หรือ ทำลาย มากกว่า ทางบวก หรือ สร้างสรรค์


มีคำกล่าวตามพุทธภาษิตที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ พอจะสรุปได้ความดังนี้
"จิตนี้ประภัสสร คือ มีความสะอาด สว่าง และสงบ แต่ที่จิตนี้มีความทุกข์ ความเศร้าหมอง เกิดจากความไม่รู้ในความเป็นจริง และกำลังของสติมีไม่พอ เมื่อมีสิ่งใดเข้ามากระทบย่อมเกิดความทุกข์" ซึ่งนั่นก็หมายความว่า จิตใจของคนเราโดยเนื้อแท้ เป็นจิตที่บริสุทธิ์ แต่ที่คิดไม่ดี เกิดจากความไม่รู้ หรือ ขาดสติ จึงทำให้คิดบวกไม่ทัน ประกอบกับบางคนที่สั่งสมแต่การคิดร้าย ไม่สร้างสรรค์ อันอาจจะเกิดจากการที่ได้รับประสบการณ์ชีวิต การงาน อาชีพที่ผ่านมาไม่ดีซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงไม่อาจที่จะคิดบวกได้ง่าย แล้วจะแก้ไขได้อย่างไรดีล่ะ ? ถ้ายังอยากจะแก้ไขตัวเองอยู่ ผมมีเทคนิคดีๆ ที่น่าสนใจ คือ "การแก้ไขที่จิตใต้สำนึก" เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติแล้วเห็นผลได้จริง


คนเรามักจะไม่ค่อยรู้ หรือ สังเกตความคิดของตนเอง ว่าในขณะที่เรากำลังพูด หรือ สื่อสาร (ในใจ) กับตัวเอง ซึ่งมีเกือบตลอดเวลา หลังจากได้รับข้อมูลผ่านเข้ามา ทั้งจาก ทางตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส และผุดขึ้นภายในจิตใจ ซึ่งมีทั้งความคิดที่ดี หรือไม่ดี สร้างสรรค์ หรือ ทำลาย สิ่งเหล่านี้ก็จะถูกบันทึกในจิตใต้สำนึกของเราเสมอ ซึ่งตัวจิตใต้สำนึกของเราไม่สามารถแยกแยะ หรือ เลือกที่จะเก็บความคิดที่ดีเพียงอย่างเดียวได้ เมื่อคุณคิด ( ทั้งดี และไม่ดี ) ก็จะถูกเก็บทั้งหมด เมื่อจิตใต้สำนึกเก็บความคิดที่เป็นลบอยู่เสมอ สิ่งที่จะเกิดผลกระทบตามมาคือ พฤติกรรมคุณก็จะเปลี่ยนไปตามที่คุณคิด ดังคำกล่าวที่ว่า "ความคิด กำหนดพฤติกรรม" เมื่อคุณคิดดี พฤติกรรมที่แสดงออกดีด้วย แต่ถ้าคุณคิดร้าย พฤติกรรมร้าย ๆ ก็จะตามมา เมื่อเราทราบเช่นนี้แล้วเราลองมาเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา โดยการเปลี่ยนความคิด ด้วยการป้อนข้อมูลที่เป็นบวกให้กับจิตใต้สำนึกกันดีกว่าครับ


วิธีการเปลี่ยนข้อมูลในจิตใต้สำนึก


1.สิ่งแรกที่สำคัญมากที่สุดใน สิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้ คือ คุณต้องมีศรัทธา หรือ ความเชื่อก่อนว่าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิต ความคิด หรือ พฤติกรรมของคุณได้ จากการเปลี่ยนข้อมูลในจิตใต้สำนึก หากคุณขาดซึ่งศรัทธา ย่อมจะประสบความล้มเหลว


มีบางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วเราจะมีความศรัทธาได้อย่างไร เพราะไม่รู้ว่าปฏิบัติแล้วจะได้ผลจริงหรือไม่ ผมอยากให้เราลองใช้หลัก "กาลามสูตร" อย่าเชื่อทั้งหมด แต่ก็อย่าตัดสินใจปฏิเสธก่อนที่จะนำมาทดลองปฏิบัติ เมื่อเห็นผลแล้วจึงค่อยเชื่อ เมื่อนั้นคุณก็จะเกิดความศรัทธาครับ


2.ทางวิทยาศาสตร์สมอง มีข้อมูลว่า เราสามารถที่จะสื่อสารกับจิตใต้สำนึกของเราได้ในขณะที่ยังมีสติอยู่ คือ ช่วงเวลาที่เรามีคลื่นสมองที่มีความถี่ระหว่าง 9 – 13 รอบต่อวินาที หรือที่เรียกว่า ช่วงคลื่นอัลฟ่า ซึ่งจะเป็นช่วงที่เราทำสมาธิ หรือ เป็นช่วงที่เรารู้สึกผ่อนคลายสุด ๆ เช่น ช่วงที่เราตื่นนอนตอนเช้าใหม่ ๆ หรือ เป็นช่วงที่เราปรับคลื่นสมองโดยการใช้เพลงบรรเลง (โมสาส) ช่วยในการปรับให้สมองมาอยู่ในระดับที่ผ่อนคลาย


คลื่นสมองของคนเราจะแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ตามความถี่ของคลื่นดังนี้


2.1 คลื่นเบต้า มีความถี่ 14-30 hertz เป็นคลื่นที่เกิดขึ้นขณะที่ตัวเราตื่นตัว มีการเคลื่อนไหว ทำกิจกรรมต่างๆ หรือเมื่อเกิดภาวะอารมณ์ที่รุนแรง เช่น เครียด ,กลัว ฯลฯ
2.2 คลื่นอัลฟ่า มีความถี่ 9-13 hertz คลื่นนี้เป็นคลื่นที่มีความสงบมากขึ้น และเป็นคลื่นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์ มาก เพราะเป็นช่วงที่เราสามารถนำข้อมูลดีดีเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ความทรงจำถาวร หรือเป็นการโปรแกรมสมองใหม่ได้ เป็นช่วงที่เรานำข้อมูลจากจิตสำนึก (Concious) ไปสู่จิตใต้สำนึก ( Subconcious) ด้วยเหตุนี้ศาสตร์แห่งการบำบัดหลายแขนงจึงพยายามหาทางให้มนุษย์สามารถมี คลื่นอัลฟ่าเกิดขึ้น เพื่อเป็นการล้างระบบของเสียๆออกจากฐานข้อมูลภายในแล้วนำข้อมูลดีดี เข้ามาแทน ซึ่งคนที่ไม่เข้าใจอาจทำสิ่งที่ตรงกันข้ามก็ได้


2.3 คลื่นธีต้า มีความถี่ 4-8 hertz เป็นคลื่นสมองที่เกิดตอนเราหลับ หรือทำสมาธิ(เริ่มเข้าฌาน) หรือเมื่อเราตกอยู่ในห้วงสมาธิลึกมากใจจดจ่อจนไม่ได้ยินหรือไม่รับรู้สิ่ง แวดล้อมภายนอก


2.4 คลื่นเดต้า มีความถี่ 1-3 hertz เป็นคลื่นที่เกิดในระหว่างหลับลึก ผ่อนคลาย สงบ


3.เมื่อคลื่นสมองอยู่ในช่วง ที่ต้องการแล้ว ซึ่งสามารถสังเกตได้จากความสงบภายในจิตใจ รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย เพื่อที่จิตใต้สำนึกจะบันทึกข้อมูลได้ง่ายขึ้น ให้เราเลือกประโยค ข้อความ ที่เราต้องการจะแก้ไข เช่น "ฉัน มีความมั่นใจในตัวเอง" หรือ "ฉันเป็นคนที่เรียนเก่ง" (สำหรับคนที่ขาดความมั่นใจ ในตัวเอง) แล้วพูดกับตัวเองในใจ ซ้ำ ๆ กัน 5- 10 รอบ เป็นประจำทุกๆ วัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ช่วงเช้า และก่อนเข้านอน


4.จากการวิจัยทางด้านสมองพบ ว่า คนเราจะเปลี่ยนความคิด หรือ พฤติกรรมได้นั้น เราจะต้องคิด หรือทำสิ่งนั้นติดต่อกันไม่น้อยกว่า 21 วันขึ้นไป แล้วผลที่เราต้องการจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ( เป็นช่วงระยะเวลาที่สมองได้สร้างเส้นใยมารองรับสิ่งที่เราได้เรียนรู้ )


5.สิ่งที่สำคัญอันดับสองรองลงมา คือ เราจะต้องมีสติ ระลึกรู้ให้เท่าทันจิต รู้จักที่จะจับความคิดภายในตนเองได้ทันเมื่อมีการเคลื่อนไหวความคิดไปในทาง ลบ ขณะเดียวกันเมื่อเราได้ยินสนทนาในทางลบให้รีบขจัดคำสนทนานั้นๆ ทันที ด้วยคำพูด "หยุด หรือ เลิกคิด" จากนั้นใส่ข้อมูลตรงข้ามที่เป็นบวกแทนที่ เช่น


จาก ฉันทำไม่ได้ (ลบ ) เป็น ฉันทำได้แน่นอน ( บวก ) หรือ
จาก ฉันเป็นคนที่ไม่เอาไหน เป็น ฉันก็เป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง เป็นต้น


เทคนิคเหล่านี้จะเกิดผลดีได้ ก็ต่อเมื่อคุณนำมาฝึกฝนตัวเองตลอดเวลาด้วยความมานะ และอดทน ดังคำกล่าวของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ที่เคยกล่าวไว้ว่า "คน เราตั้งใจทำอะไรแล้ว จงอย่าท้อถอย อย่าหยุดทำ ผิดแล้วไม่เป็นไร แก้ไขใหม่ ทำมันเรื่อยไป จนกว่าจะถึงที่หมาย" ขอให้โชคดี และหมั่นฝึกฝนเพื่อพัฒนาตน นะครับ
--------------------------------------------------------------------------------


ผู้เขียนบทความ มนูญ อินทร์พรหม
เหตุจูงใจที่เขียนบทความนี้ เพราะ เมื่อก่อนตนเป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ย้ำคิดย้ำทำโดยเฉพาะในทางที่บั่นทอนตนเอง หลังจากที่ได้ศึกษา ค้นคว้า และนำมาปฏิบัติ เห็นผลไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงอยากที่จะถ่ายทอดให้ผู้อื่น ที่อาจประสบปัญหาเหมือนกันครับ
คิดบวก

การสร้างทีมงาน (team building)


ความสำคัญของการสร้างทีมงาน
การสร้างทีมงาน (Team Building)

ในแง่ของการทำงานเป็นทีม คือการที่บุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาทำงานร่วมกันเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ
 แล้วก็การปฏิบัติงานต่างก็ได้รับความพอใจในผลงานนั้น ๆ ประโยชน์มีมากมาย ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่นการ แข่งขันกีฬาไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลวอลเลย์บอล หรือตะกร้อที่จะต้องทำงานประสานกันเป็นทีม ถ้าไม่มีการวางแผนหรือมีการที่จะทำให้กาประสานการเป็นทีม ชัยชนะก็จะไม่เกิดยกตัวอย่างอย่างเล่นฟุตบอลง่าย ๆ ฉะนั้นประโยชน์ของการทำงานเป็นทีมสมาชิกใน ทีมจะต้องได้มีการพัฒนาเต็มความสามารถของตน ได้รับเปลี่ยนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์กับเพื่อนร่วมทีมทำให้เกิดการเรียนรู้ การรับฟังความคิดเห็นและการสื่อสารกัน นั่นคือความสำคัญ