นิทาน กระต่ายกับเต่า ฉบับ MBA



กาลครั้งหนึ่ง เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน ทั้งคู่จึงตกลงที่ จะวิ่งแข่ง ก็มีการกำหนดเส้น ทางวิ่งแล้วก็เริ่มการแข่งขัน เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ คิดว่าพัก ผ่อนใต้ต้นไม้สักแป๊บหนึ่ง ก่อนแข่งต่อก็ดี ไปๆ มาๆ ก็ง่วงสิ ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว


นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้าๆ แต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้ (เหมือนกัน) นี่เป็น

เวอร์ชั่นเด็กๆ ที่เราคุ้น เคยกัน ไม่นานมานี้มีคนเล่าเวอร์ชั่นใหม่ที่น่าสนใจให้ฟัง



เจ้ากระต่ายสันหลังยาวก็อารมณ์บ่จอยตามระเบียบที่แพ้ มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตน

เอง แล้วก็พบว่าความ มั่นใจในตัวเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจนั่นแหละที่ทำให้แพ้ ถ้าไม่เผลอหลับ เสียอย่าง เต่าหน้าไหนจะ เอาชนะมันได้ กระต่ายจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้ง เฮ้ย... เมื่อกี้ฟลุคหรือเปล่า แน่จริงแข่งใหม่สิ เจ้าเต่าก็ตกลง ... ย่อมได้ไอ้น้อง แน่นอนว่าครั้งนี้ เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอย เราได้ข้อคิดอะไรล่ะ ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้เร็วและสม่ำเสมอ ถ้าเราเปรียบเทียบคนสองคนใน องค์กรของเรา คนหนึ่งช้า จริงทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผน แต่ทำอะไรๆ ไม่เคยพลาด ไว้ใจได้แน่นอนในผลงาน ของเขา เทียบกับอีกคนหนึ่งที่เร็วและก็พอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำ คนที่เร็วกว่ามักจะ ประสบความสำเร็จมีความ เจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้นๆ มากกว่า ช้าแต่ชัวร์ก็ดีอยู่หรอก แต่ให้เร็วและพอ ใช้ได้นี่ดีกว่า

เรื่องยังไม่จบแค่นี้

คราวนี้ถึงทีเจ้าเต่ามาหาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และก็พบว่า เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะชนะกระต่ายใน เส้นทางการวิ่งแบบที่เป็นอยู่นี้ มันก็คิดอยู่สักครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่ง ใหม่ แต่ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่งเสีย หน่อย เจ้ากระต่ายก็ว่าย่อมได้อยู่แล้วพี่ พอการแข่งเริ่ม เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้อออกไปเต็มสปีดเลย จนกระทั่งไปถึง ระหว่างทาง เฮ้ย!!! เวรกรรม ต้องข้ามแม่น้ำ ทำไงล่ะตู ... เส้นชัยอยู่ไม่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเท่า ไหร่เลย เจ้ากระต่ายมัว แต่งงว่าจะทำยังไงดี จนเจ้าเต่าคืบคลานมาทันแล้วก็จ๋อมลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้า เส้นชัย



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ... พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดีแล้วพยายามเปลี่ยน สนามการแข่งขันให้ตน เองได้เปรียบมากที่สุ ด ยังไม่พอ มีต่อ ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ต่างคน ต่างมาระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมมือกัน การแข่งขันแบบเมื่อครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น ดังนั้นพวกมันจึงคิดจะแข่ง อีกครั้ง แต่แข่งครั้งนี้เป็นแบบทีมเวิร์ก

เริ่มต้นเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำแล้วเจ้า เต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายน้ำ ข้ามไป พอข้ามฝั่งเจ้ากระต่ายก็แบกเจ้าเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน ผลการ

แข่งครั้งนี้ สร้างความพึง พอใจให้กับทั้งสองฝ่ายมากกว่าการแข่งครั้งก่อนหน้านี้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...

การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่รู้จักทำงาน ร่วมกับผู้อื่น ยังไงก็ไป ไม่รอด เพราะมันจะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋งคนอื่นเจ๊ง ในขณะที่บางสถานการณ์เรา

เจ๊งแต่คนอื่นเจ๋ง ทีมเวิร์กสำคัญตรงที่การกำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์ ให้ผู้ที่มีความถนัด

กับสถานการณ์นั้นๆ เป็นผู้นำ กลุ่มในแต่ละช่วงสถานการณ์ที่เหมาะกับความสามารถของเขา

นอกจากนี้ เรายังได้รับบทเรียนอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า ไม่ว่าเต่าหรือกระต่าย ไม่มีใครคิดเลิกล้มหรือท้อแท้ จากความล้มเหลวที่เกิดขึ้น กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเองโดยทำงานให้หนักขึ้น

และเพิ่มความมุมานะในงานของตนเองหลังจากพบความล้มเหลว ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนใหม่ เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้วในชีวิต เมื่อเราพบปัญหาหรือความล้มเหลว บางครั้งเราก็ควรจะทำงานให้หนักขึ้นและมีความ เอาใจใส่ในงาน

มากกว่าเดิม บางครั้งก็ควรเปลี่ยนแผนการทำงานและทดลองในสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่าง ออกไป และในบาง ครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่างเลย



**นอกจากนั้น กระต่ายกับเต่าก็ได้รับบทเรียน ที่สำคัญอีกอย่างคือ เมื่อเราหยุด

การแข่งขันกับบุคคล แล้ว

หันมาแข่งกับสถานการณ์แทน พวกมันจะทำงานได้ดีขึ้นมาก**